ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ซีเอช-53อี ซูเปอร์สตัลเลียน

ซีเอช-53อี ซูเปอร์สตัลเลียน (อังกฤษ: CH-53E Super Stallion) เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดของกองทัพสหรัฐ มันถูกพัฒนามาจากซีเอช-53 ซีสตัลเลียน โดยเพิ่มเครื่องยนต์ที่สามเข้าไป กะลาสีและนาวิกโยธินมักเรียกมันว่า"ตัวสร้างเฮอร์ริเคน" เพราะว่ามันมักทำให้เกิดกำแพงลมขณะบินขึ้น มันถูกสร้างขึ้นโดยซิคอร์สกี้ แอร์คราฟท์ให้กับนาวิกโยธินสหรัฐ อีกรุ่นหนึ่งคือเอ็มเอช-53อี ซีดรากอน (อังกฤษ: MH-53E Sea Dragon) ซึ่งเป็นของกองทัพเรือสหรัฐเพื่อใช้ในการกวาดทุ่นระเบิดและบรรทุกของหนัก ซีเอช-53อี/เอ็มเอช-53อีถูกเรียกว่า"เอส-80"โดยซิคอร์สกี้

ปัจจุบันกำลังพัฒนาซีเอช-53เค ซึ่งจะติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ ใบพัดที่ใช้วัสดุผสม และภายในที่กว้างขึ้น

ซีเอช-53 เป็นผลผลิตจากการเฟ้นหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดหนักของนาวิกโยธินสหรัฐซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2505 เอส-65 ของซิคอร์สกี้ถูกเลือกให้ได้ทำสัญญา โดยเอาชนะซีเอช-47 ชีนุกรุ่นดัดแปลงของโบอิง ต้นแบบคือวายซีเอช-53เอได้ทำการบินครั้งแรกในัวนที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2507 มันถูกเรียกว่า"ซีเอช-53เอ ซีสตัลเลียน"และเริ่มส่งมอบในปีพ.ศ. 2509 ซีเอช-53เอลำแรกใช้เครื่องยนต์เจเนรัล อิเลกทริก ที64-จีอี-6 สองเครื่องยนต์ โดยให้กำลัง 2,850 แรงม้า น้ำหนักสูงสุด 20,865 กิโลกรัม รวมทั้งของบรรทุกอีก 20,00 กิโลกรัม

ซีเอช-53เอมีหลายรุ่น เช่น อาร์เอช-53เอ/ดี เอชเอช-53บี/ซี ซีเอช-53ดี ซีเอช-53จี และเอ็มเอช-53เอช/เจ/เอ็ม อาร์เอช-53เอและอาร์เอช-53ดีถูกใช้โดยกองทัพเรือสหรัฐในการกวาดทุ่นระเบิด ซีเอช-53ดีมีเครื่องยนต์ที64 ที่ทรงพลังกว่า โดยถูกใช้ในรุ่นเอช-53 ทั้งหมด และมีถังเชื้อเพลิงด้านนอก ซีเอช-53จีนั้นถูกสร้างให้กับเยอรมนี

เอชเอช-53บี/ซี ซูเปอร์จอลลีไจแอนท์ของกองทัพอากาศสหรัฐเป็นรุ่นสำหรับปฏิบัติการพิเศษและถูกใช้ครั้งแรกในสงครามเวียดนาม เอ็มเอช-53เอช/เจ/เอ็ม เพฟโลว์ของกองทัพอากาศเป็นเอช-53 รุ่นสุดท้ายที่มีสองเครื่องยนต์และมีระบบอิเลกทรอนิกอากาศพิเศษ

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2510 นาวิกโยธินสหรัฐต้องการเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถบรรทุกได้มากกว่าซีเอช-53ดี 1.8 เท่า ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ยานจู่โจมสะเทินสะเทินบก กองทัพเรือและกองทัพบกสหรัฐก็มองหาเฮลิคอปเตอร์ที่คล้ายกันในเวลานั้น ก่อนหน้านั้นซิคอร์สกี้ได้ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาซีเอช-53ดี โดยใช้ชื่อว่า"เอส-80" โดยมีจุดเด่นที่เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์เครื่องที่สามและระบบใบพัดที่ทรงพลังกว่าเดิม ซิคอร์สกี้ยื่นแบบเอส-80 ให้กับนาวิกโนธินในปีพ.ศ. 2511 พวกเขาชอบมันตรงที่มันขนส่งได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มลงทุนเพื่อพัฒนามันต่อ

ในปีพ.ศ. 2513 ด้วยแรงกดดันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่ต้องการให้มีการสร้างโบอิง เวอร์ทอล เอ็กซ์ซีเอช-62 ให้กับกองทัพบก กองทัพเรือและนาวิกโยธินสามารถแสดงให้เห็นว่าเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกนั้นใหญ่เกินไปที่จะลงจอดบนเรือและช้าเกินไปที่จะไล่ตามเฮลิอปคอปเตอร์ของพวกเขา การทดสอบต้นแบบได้มีการตรวจสอบเครื่องยนต์ที่สามและระบบใบพัดที่ใหญ่ขึ้นด้วยการเพิ่มใบพัดใบที่ 7 เข้าไปเมื่อต้นทษวรรษที่ 2513 ในปีพ.ศ. 2517 วายซีเอช-53อีก็ขึ้นบินเป็นครั้งแรก

การเปลี่ยนแปลงของซีเอช-53อีนั้นมีทั้ง ระบบส่งกำลังที่ทรงพลังและลำตัวที่ขยายออกอีก 1.88 เมตร ใบพัดหลักถูกเปลี่ยนเป็นไทเทเนียมผสมกับไฟเบอร์กลาส ส่วนหางก็ถูกเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แพนหางแนวนอนส่วนล่างถูกแทนที่ด้วยหางแนวตั้งที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการบินอัตโนมัติแบบใหม่ถูกใส่เข้าไปด้วย ระบบควบคุมการบินดิจิตอลทำให้นักบินไม่ต้องทำงานหนักจนเิกินไป

การทดสอบวายซีเอช-53อีแสดงให้เห็นว่ามันสามารถยกของได้ถึง 17.8 ตัน (ห่างจากพื้นถึงล้อ 15 เมตร) และสามารถทำความเร็ว 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยน้ำหนัก 56,000 ปอนด์ได้โดยไม่มีการบรรทุกภายนอก สิ่งนี้นำไปสู่เฮลิคอปเตอร์สองลำที่สร้างก่อนการผลิตและบทความจากการทดสอบ ในเวลานี้เองที่ส่วนหางถูกปรับเปลี่ยนให้มีตำแหน่งสูงขึ้น แพนหางแนวนอนหันหน้าเข้าใบพัด โดยทำมุม 20 องศา

การผลิตถูกทำสัญญาในปีพ.ศ. 2521 และนำเข้าประจำการหลังเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 ซีเอช-53อีลำแรกที่ผลิตทำการบินในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2523 กองทัพเรือสหรัฐได้รับซีเอช-53อีในจำนวนที่น้อย นาวิกโยธินได้รับไปทั้งสิ้น 177 ลำ

กองทัพเรือต้องการซีเอช-53อีสำหรับการกวาดทุ่นระเบิด โดยใช้ชื่อว่า"เอ็มเอช-53อี ซีดรากอน" ส่วนที่ยื่นออกมาด้านข้างถูกขยายเพื่อให้มันบรรทุกเชื้อเพลิงได้มากขึ้นและทนทานขึ้น มันยังมีระบบเติมเชื้อเพลิงทางอากาศและสามารถติดตั้งถังเชื้อเพลิงขนาด 300 แกลลอนไว้ภายในได้ เอ็มเอช-53อีมีระบบควบคุมการบินแบบดิจิตอลที่มีจุดเด่นในการใช้เครื่องมือกวาดทุ่นระเบิด เอ็มเอช-53อีลำต้นแบบทำการบินครั้งแรกในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เอ็มเอช-53อีถูกใช้โดยกองทัพเรือเมื่อเริ่มปีพ.ศ. 2529 เอ็มเอช-53อีสามารถเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศและลอยตัวอยู่ กองทัพเรือได้รับซีดรากอนทั้งสิ้น 46 ลำ และดัดแปลงอาร์เอช-53ดีลำที่เหลือให้กลับไปทำหน้าที่ขนส่งดังเดิม

นอกจากนี้เอ็มเอช-53อีจำนวนมากถูกส่งออกให้กับญี่ปุ่นโดยใช้ชื่อว่าเอส-80-เอ็ม-1 เพื่อใช้ในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น

ซีเอช-53อีนั้นทำหน้าที่ทั้งในกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐในบทบาทขนส่งขนาดหนัก มันสามารถยกอุปกรณ์หนักๆ เช่น ยานหุ้มเกราะขนาดเบาแอลเอวี-25 ปืนฮาวไอเซอร์เอ็ม198 ขนาด 155 ม.ม.พร้อมทั้งพลปืนและกระสุน และสามารถยกอากาศยานทั้งหมดของนาวิกโยธินได้ยกเว้นเคซี-130

นาวิกโยธินสหรัฐได้วางแผนทำการพัฒนาซีเอช-53 ส่วนใหญ่ของพวกเขาเพื่อยืดอายุการใช้งาน แต่แผนก็ต้องพบกับอุปสรรค จากนั้นซิคอร์สกี้ก็ได้ยื่นข้อสเนอเป็น"ซีเอช-53เอ็กซ์" และในที่สุดเมื่อถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 นาวิกโยธินก็ทำสัญญาเพื่อซื้อ"ซีเอช-53เค" 156 ลำ นาวิกโยธินกำลังวางแผนที่จะเริ่มปลดประจำการซีเอช-53 ในปีพ.ศ. 2552 และต้องการเฮลิคอปเตอร์แบบใหม่อย่างเร็วที่สุด

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2550 นาิวิกโยธินสหรัฐได้เพิ่มจำนวนซีเอช-53เคเป็น 227 ลำในรายการสั่งซื้อ มันถูกคาดว่าจะทำการบินครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 และเริ่มทำให้มันเข้าประจำการได้ในปีพ.ศ. 2558 การส่งมอบจะเริ่มขึ้นในปลายปีพ.ศ. 2565

แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงด้านโครงสร้าง แต่ซีเอช-53อีนั้นมีเครื่องยนต์ 3 เครื่องที่ทรงพลังกว่าซีเอช-53เอ ซีสตัลเลียนที่มีสองเครื่องยนต์ รุ่นอีนั้นยังมีใบพัดที่ใหญ่กว่าจำนวนเจ็ดใบ

ซีเอช-53อีสามารถบรรทุกทหารได้ 55 นายหรือสินค้าหนัก 13,610 กิโลกรัม และยังสามารถขนส่งภายนอกโดยใช้ตะขอที่รับน้ำหนักได้ 16,330 กิโลกรัม ซูเปอร์สตัลเลียนมีความเร็วประหยัดที่ 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและพิสัย 1,000 กิโลเมตร มันมีท่อสำหรับเติมเชื้อเพลิงที่ด้านหน้า มันมีปืนกลสามกระบอก หนึ่งกระบอกที่ด้านข้างของประตูทางเข้าสำหรับลูกเรือ หนึ่งกระบอกที่หน้าต่างด้านหลังนักบินผู้ช่วย และอีกหนึ่งกระบอกที่ด้านท้าย[ต้องการอ้างอิง] ซีเอช-53อียังมีเครื่องปล่อยพลุและเป้าล่ออีกด้วย

เอ็มเอช-53อีมีจุดเด่นที่ส่วนเสริมด้านข้างสำหรับเชื้อเพลิงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถใช้เครื่องกวาดทุ่นระเบิดได้ มันมีระบบต่อต้านทุ่นระเบิดและปืนกลอีกสองกระับอก ระบบควบคุมการบินแบบดิจอตอลของมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้เครื่องกวาดทุ่นระเบิดโดยเฉพาะ

การพัฒนาซีเอช-53อีมีทั้งการใช้ระบบมองกลางคืน ปืนกลจีเอยู-21/เอและเอ็ม3พีขนาด 12.7 ม.ม. และอินฟราเรดส่วนหน้ารุ่นเอเอคิว-29เอ

ซีเอช-53อีและเอ็มเอช-53อีเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตก ในขณะที่ซีเอช-53เคซึ่งขณะนี้กำลังพัฒนาขึ้นนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า พวกมันเป็นอันดับสามรองจากมิล เอ็มไอ-26 และมิล เอ็มไอ-12 ของรัสเซีย ซึ่งสามารถบรรทุกของได้กว่า 22 ตันและ 44 ตันตามลำดับ

ซูเปอร์สตัลเลียนเข้าประจำการครั้งแรกในฝูงบินของสหรัฐในนอร์ทแคโรไลน่า อีกหลายปีต่อมาอีกสองฝูงบินถูกตั้งขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย นอกจากนี้แล้วยังมีหน่วยรักษาชายฝั่งอีกหนึ่งหน่วยที่ใช้ซูเปอร์สตัลเลียนซึ่งตึ้งอยู่ในรัฐเพนซิลวาเนีย ตั้งแต่นั้นฝูงบินที่ใช้ซีเอช-53เอก็เปลี่ยนมาใช้รุ่นอีแทน

ซีเอช-53อีของนาวิกโยธินสหรัฐถูกใช้บนเรือครั้งแรกในปีพ.ศ. 2526 เมื่อซีเอช-53อีสี่ลำถูกลำเลียงลงบนเรือยูเอสเอสอิโวจิมา[ต้องการอ้างอิง] ในช่วงนี้นาวิกโยธินถูกส่งขึ้นฝั่งที่เบรุตในเลาบานอนเพื่อรักษาความสงบและสร้างปริมณฑลใกล้กับสนามบินแห่งชาติเบรุต ในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2526 ผู้ก่อการร้ายใช้คาร์บอมทำลายค่ายทหารในเบรุต สังหารทหารเกือบ 240 นายที่กำลังนอนหลับอยู่ ซีเอช-53อีได้เข้ามาทำหน้าที่สนับสนุนการรบในปฏิบัติการนี้

ในปีพ.ศ. 2534 ซีเอช-53อีหลายลำพร้อมกับซีเอช-46 ซีไนท์ถูกส่งเข้าไปในโมกาดิชูประเทศโซมาเลีย เพื่อลำเลียงพลเมืองสหรัฐและชาวต่างชาติจากสถานทูตสหรัฐในช่วงสงครามกลางเมืองโซมาเลีย

ในปฏิบัติการพายุทะเลทราย เอ็มเอช-53อีถูกใช้เพื่อทำหน้าที่กวาดทุ่นระเบิดในอ่าวเปอร์เซียนอกชายฝั่งคูเวต

ในวันที่ 8 มิถุนาย พ.ศ. 2538 ผู้กองสก็อตต์ โอ'เกรดี้ นักบินเอฟ-16 ที่ถูกยิงตกในบอสเนีย ได้รับการช่วยเหลือจากซีเอช-53อีสองลำ

ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544 ซีเอช-53อีสามลำบนเรือยูเอสเอสเพเลลุยและอีกสามลำบนเรือยูเอสเอสบาทาน ได้บินเป็นระยะทาง 890 กิโลเมตรเพื่อรักษาที่ลงจอดแห่งแรกในอัฟกานิสถาน ด้วยทหาร 1,100 นายที่ยอดเขา การบุกที่เด็ดเดี่ยวนี้เป็นการบุกที่ยาวนานที่สุด พิสัยที่ไกลของพวกมันทำให้นาวิกโยธินสามารถตั้งฐานในทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานได้[ต้องการอ้างอิง]

ซูเปอร์สตัลเลียนได้ทำหน้าที่สำคัญอีกครั้งในการบุกอิรักเมื่อปีพ.ศ. 2546 พวกมันถูกใช้เพื่อขนส่งเสบียงและอาวุธเข้าไปในแนวหน้า และยังช่วยขนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากแนวหน้าเช่นกัน ซีเอช-53อีและซีเอช-46อีได้ขนส่งหน่วยทหารพรานและหน่วยรบพิเศษของสหรัฐเข้าทำภารกิจเพื่อช่วยเหลือพลทหารเจสซิก้า ลินช์ที่ถูกจับเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2546

ปัจจุบันมีซีเอช-53อีประมาณ 100 ลำของนาวิกโยธินสหรัฐและเอ็มเอช-53อี 30 ลำของกองทัพเรือสหรัฐที่ยังอยู่ในประจำการ

เอ็มเอช-53อี ซีดรากอนเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐ ด้วยการตาย 27 รายตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527-2551 มันถูกจัดเป็นระดับเอในเรื่องอุบัติเหตุ (สร้างความเสียหาย 1 ล้านดอลลาร์สหรัญหรือส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต) โดยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ 5.96 ต่อ 100,000 ชั่วโมงบิน ซึ่งมากกว่าเฮลิคอปเตอร์แบบอื่นของกองทัพเรือที่มีเพียง 2.26 เท่านั้น

ในปีพ.ศ. 2539 ซีเอช-53อีเกิดตกในโรงงานซิคอร์สกี้ในแสตนฟอร์ด คนงาน 4 คนเสียชีวิต ส่งผลให้กองทัพเรือหยุดการใช้ซีเอช-53อีและเอ็มเอช-53อีทั้งหมด

ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ซีดรากอนตกลงในอ่าวเม็กซิโกสังหารลูกเรือไป 4 นาย มันถูกส่งกลับเข้าประจำการและทำการปรับปรุง

ในปี 2548 คดีกล่าวหาก็เริ่มขึ้น โดยชี้ว่าตั้งแต่ปีพ.ศ. 2536 มีอุบัติเหตุจากการเกิดเพลิงไหม้หรือความร้อนอย่างน้อย 16 ครั้ง โดยเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ที่สองของเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่ามันไม่ได้รับการแก้ไขและลูกเรือก็ไม่ถูกฝึกมาเพื่อการนี้เช่นกัน

ในช่วงเช้าของวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2548 ซีเอช-53อีลำหนึ่งพร้อมยาวิกโยธินสหรัฐอีก 30 นายและทหารแพทย์อีกหนึ่งนาย ตกลงในรุทบาห์ประเทศอิรัก ทำให้ทั้งหมด 31 นายเสียชีวิต กล่าวกันว่าสาเหตุมาจากพายุทะเลทราย การตกครั้งนี้เป็นเหตุการร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันในสงครามอิรัก (สำหรับอเมริกา)

ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551 เอ็มเอช-53อีของกองทัพเรือตกขณะทำภารกิจซ้อมรบห่างไปประมาณ 4 ไมล์จากรัฐเท็กซัส ลูกเรือสามคนเสียชีวิตและอีหนึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาล


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301